แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร กินกับอะไรดีที่สุด

แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร

แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร กินกับอะไรดีที่สุด WBET69 มีคำตอบ พร้อมบอกวิธีเลือกแก้วไวน์ ควรจัดเก็บ Champagne ที่อุณหภูมิกี่องศาใครอยากดื่มแชมเปญ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษ แล้วอยากรู้เคล็ดลับต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้ดื่มได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย

แชมเปญ คือ Sparkling wine ที่ผลิตในแคว้นชองปาญ(champagne) ประเทศฝรั่งเศส ทำจากองุ่น 3 ชนิด คือ ชาร์ดอนเนย์(Chardonnay) ปิโนต์ นัวร์(Pinot Noir) และปิโนต์ มูนิเยร์(Pinot Meunier) 3 ชนิด นำมาเบลนด์ผสมกัน พร้อมกับเติมน้ำตาลอ้อย เพื่อให้เกิดการหมักบ่มและมีรสหวาน หรือที่เรียกว่า การ Refermentation ทำให้ได้ไวน์มีฟอง รสชาติดี ที่มีความซาบซ่า ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า

Blanc de Blancs : ใช้องุ่น Chardonnay ในการผลิต 100% มีสีเหลืองทอง ดื่มแล้วได้กลิ่นของควันไม้และ แร่ธาตุต่างๆ ให้รสสัมผัสครีมมี่ นุ่มนวล
Blanc de Noirs : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นแดง Pinot Noir ผสมกับ Pinot Meunier มีสีขาวอมชมพูเล็กน้อย มีกลิ่นและรสชาติของผลไม้ตระกูลเบอร์รีต่างๆ
Rosé : แชมเปญสีชมพู มีวิธีผลิต 2 วิธี คือ วิธี saignée เป็นการเอาเปลือกองุ่นแดงไปแช่ในน้ำองุ่นใสขององุ่นแดงเป็นเวลาสั้น ๆ ให้รสฝาดและสีของเปลือกอยู่ในตัวน้ำองุ่น กลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ กับ วิธีที่เรียกว่า d’assemblage ที่ได้รับความนิยมมากกว่า โดยผสมไวน์แดงเล็กน้อยลงไปในแชมเปญ มีรสชาติของเรดฟรุ๊ต และสตรอว์เบอร์รี newsportforyou
ระยะเวลาในการหมักบ่ม

Vintage Champagne : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นที่เก็บเกี่ยวในปีเดียวกันเท่านั้น จะมีระยะเวลาในการหมักบ่มอย่างน้อย 3 ปี
Non-vintage Champagne : ใช้องุ่นจากหลายๆ ปี ในการผลิต มีช่วงเวลาหมักบ่ม ไม่เกิน 15เดือน
Cuvée de prestige : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี นำมาคั้นน้ำองุ่นในน้ำแรก ซึ่งเรียกว่า Cuvée มีปริมาณที่น้อยมากในแต่ละปี ทำให้เป็นแชมเปญระดับ Luxury และมีราคาแพงที่สุด เป็นได้ทั้งแชมเปญแบบ Non-vintage หรือVintage ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบ Vintage

ทำไม Champagne ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก

เดิมคนฝรั่งเศสนิยมดื่มไวน์แดง ไวน์ขาวธรรมดามากกว่า ทำให้ไวน์มีฟองอย่าง แชมเปญ ถูกมองว่าเป็น ไวน์เสียหรือไวน์มีตำหนิ แต่เมื่อแชมเปญถูกนำไปอังกฤษ ในคริสต์ศตวรรษที่17 กลับได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเปิดขวดไวน์ แล้วมีเสียง ป๊อป พร้อมกับเกิดแรงดันของก๊าซ อัดไวน์ให้พวยพุ่งขึ้นมากลางอากาศ ทำให้กับกลุ่มชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์อังกฤษ รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ แชมเปญ เริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่นั้น จนกลายเป็น Sparkling wine ที่คนนิยมทั่วโลก โดยนิยมดื่มสำหรับเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นงานปาร์ตี้สังสรรค์ งานรื่นเริงต่างๆรวมถึง งานฉลองชัยชนะในการแข่งขันกีฬา เป็นต้น

แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร จะมีความซาบซ่า ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีกลิ่นและรสชาติของดอกไม้สีขาว ดอกไวโอเลต ลูกพีช เชอร์รี่ เลม่อน และแอปเปิ้ลสีเขียว สำหรับระดับความหวานนั้น มีตั้งแต่ไม่หวานถึงหวานมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลอ้อยที่ใส่ลงไป โดยระดับความหวานของแชมเปญ มี 7ระดับ คือ

Brut Nature = Driest(ไม่หวานเลย)
Extra Brut = Very Dry(ไม่หวาน)
Brut = Very Dry (ไม่หวาน)–Dry(หวานน้อย)
Extra-Sec หรือ Extra-Dry =Dry(หวานน้อย)–Medium Dry(ค่อนข้างหวาน)
Sec = Medium Dry(ค่อนข้างหวาน)
Demi-Sec = Sweet(หวาน)
Doux = Luscious หรือSuper-Sweet(หวานมาก)

แชมเปญกินกับอาหารได้หลากหลาย แต่ถ้าหากอยากให้เข้ากัน ช่วยเสริมให้มื้ออาหารนั้น ๆ แชมเปญ รสชาติ อร่อยมากขึ้นแล้วละก็ควรจับคู่กับอาหาร โดยคำนึงถึงระดับความหวาน และประเภทองุ่นที่ใช้ผลิตแชมเปญ ด้วยซึ่งสามารถจับคู่แชมเปญกับอาหารได้ ดังนี้

Brut Nature–Extra Brut : มีรสไม่หวาน เหมาะกินคู่กับเนื้อสัตว์ และอาหารที่ไม่มีรสจัด เช่น กุ้งล็อบสเตอร์ หรือไก่ย่าง เป็นต้น
Brut : มีรสไม่หวานถึงหวานน้อย เหมาะกินคู่กับเนื้อสัตว์ รวมถึง ของทอดต่างๆ เช่น สเต็ก เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด
Extra Sec–Doux : มีรสหวานอร่อย เหมาะกินคู่กับอาหารทะเล และ ของขบเคี้ยว เช่น ปลาหมึก ป๊อปคอร์น
Blanc De Blancs : มีความครีมมี่ นุ่มนวล เหมาะกินกับอาหารทะเล ที่มีกลิ่นคาวมาก เช่น หอยนางรมสด ปลาเนื้อขาว ไข่คาเวียร์
Blanc De Noir–Rosé : เหมาะกินคู่กับอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ แป้ง อาหารทะเล และอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เช่น สเต็ก พิซซ่า ปลาแซลม่อน แกงเผ็ด ต้มยำ เป็นต้น

ด้วย Champagne มีกิมมิค แชมเปญ แอลกอฮอล์ คือมีฟองฟู่ที่ลอยขึ้นมา จึงควรใช้ แก้วไวน์ทรงสูง เช่น Fluteในการเสิร์ฟ เพราะด้วยดีไซน์ของแก้วที่สูง และเพรียวบาง จะทำให้ฟองลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความสวยงาม และ ยังช่วยกักเก็บความเย็นของแชมเปญได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ หากเป็นแชมเปญที่มีรสหวาน เช่น Blanc De Blancs แนะนำให้ใช้แก้วไวน์ Tulip,Wide-Tulip เพราะจะทำให้กลิ่นหอมหวานของไวน์ลอยโชยขึ้นมา ช่วยให้สัมผัสกลิ่นและรสชาติได้ดีมากยิ่งขึ้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *