5 วิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือน ปัญหาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงแทบทุกคนคือปวดท้องประจำเดือน หรือที่เราเข้าใจกันดีว่าคืออาการปวดท้องเมนส์ หลายคนปวดจนนอนไม่ได้ เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หรือบางครั้งปวดมากจนต้องลาหยุดงานกันเลย วันนี้ WBET69 มี 5 วิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือนเบื้องต้น มาแนะนำเพื่อบรรเทาอาการ และมีวิธีสังเกตที่บ่งบอกว่าอาการของเรานั้นผิดไปจากปกติและต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงกัน
อาการปวดท้องประจำเดือน หรือปวดท้องเมนส์คืออะไร
อาการปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea) หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าปวดท้องเมนส์ มักมีอาการได้ตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือน 1-2 วัน จนถึงวันที่เป็นประจำเดือนในวันแรกๆ เกิดจากการบีบตัวของมดลูก ทำให้มีอาการปวดหน่วง หรือปวดเกร็งเล็กน้อย ไปจนถึงอาการปวดขั้นรุนแรงบริเวณท้องน้อยและรวมถึงอาการอื่นๆ เช่น ปวดหลังด้านล่าง คลื่นไส้อาเจียน เหงื่อออก ท้องเสีย ท้องผูก ท้องอืด เวียนศีรษะและปวดศีรษะ เป็นต้น
ประเภทและสาเหตุของอาการปวดประจำเดือน เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
อาการปวดท้องประจำเดือนแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท
1. ปวดท้องประจำเดือนประเภทปฐมภูมิ ที่เกิดจากการได้รับสารกระตุ้นที่ชื่อว่า โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งสร้างขึ้นในชั้นเยื่อโพรงมดลูกในระหว่างเป็นประจำเดือน ส่งผลให้มดลูกบีบตัว และกล้ามเนื้อมดลูกหดเกร็งตามมา ทำให้รู้สึกปวดหน่วงท้องน้อยได้
2. ปวดท้องประจำเดือนประเภททุติยภูมิ เกิดจากภาวะผิดปกติของมดลูก หรืออวัยวะสืบพันธุ์อื่นๆ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือช็อกโกแลตชีสต์ที่เรารู้จัก, เยื่อบุมดลูกเจริญภายในกล้ามเนื้อมดลูก, เนื้องอกมดลูก, ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ ภาวะปากมดลูกตีบ เป็นต้น ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้เป็นต้นเหตุอย่างหนึ่ง ที่นำมาสู่การปวดท้องประจำเดือนในระดับรุนแรง หรือเรื้อรังได้
ปวดท้องประจำเดือนต้องทำอย่างไร ? ขอแนะนำ 5 วิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือน
เพราะการปวดท้องประจำเดือนมากๆ นอกจากจะทำให้รู้สึกหมดเรี่ยวแรง ไม่อยากทำอะไรแล้ว แม้กระทั่งหัวถึงหมอนอยากล้มตัวลงนอนก็ยังนอนไม่ได้ สาวๆ คนไหนกำลังหาวิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือนอยู่ วันนี้เรามี 5 วิธีจะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนมาฝาก
- ประคบอุ่นบริเวณท้องน้อย
วิธีนี้เป็นวิธีแก้อาการปวดท้องประจำเดือนที่ง่ายที่สุด เพียงแค่ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบบริเวณท้องน้อย หรือบริเวณที่ปวดท้องเมนส์ ความอุ่นจากประเป๋าน้ำร้อนจะช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น
- ดื่มชา
มีงานวิจัยระบุว่ามีชาหลายชนิดที่มีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดได้ ไเช่น ชาคาโมมายล์, ชาเขียวอู่หลง, ชาเปปเปอร์มินต์ หรือจะเป็นเครื่องดื่มร้อน เช่น น้ำผึ้งผสมมะนาว หรือน้ำขิง เป็นต้น แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เพราะหากดื่มน้ำหรือชามากเกินไปอาจทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยขึ้น และทำให้ปวดท้องเพิ่มขึ้นได้
- งดอาหารมัน รับประทานผัก
เพราะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงจะทำให้ย่อยยากและเกิดอาการไม่สบายตัวมากขึ้น หรือถ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แนะนำให้เลือกใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันชนิดอื่น และเปลี่ยนมารับประทานผัก ผลไม้ เพื่อช่วยลดของเสียในร่างกายและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 40-60 นาที อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้เทียบเท่ากับการกินยาแก้ปวด เพราะการออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข และเมื่อร่างกายหลังสารเอ็นโดรฟินออกมามากก็จะช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนลงได้
- การทำสมาธิ หรือโยคะ
การทำสมาธิ หรือโยคะ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้ เพราะการทำสมาธิจะช่วยลดความเครียด ส่วนการเล่นโยคะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงและเสริมความยืดหยุ่นให้ร่างกายมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อท้อง และหลังยืดหยุ่น จึงช่วยแก้อาการปวดท้องประจำเดือนได้ดีขึ้น
ปวดท้องประจำเดือน แบบไหนที่ควรพบแพทย์ทันที ?
ทั้งนี้หากดูแลตัวเอง และลองทำตามคำแนะนำไปแล้ว แต่อาการยังไม่ทุเลาลงและมีอาการดังต่อไปนี้ ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
1.ปวดท้องประจำเดือนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ เดือน ซึ่งอาจสังเกตจากการที่ต้องใช้ยาแก้ปวดมากขึ้น
2.รับประทานยาแก้ปวดแล้วแต่ยังไม่ทุเลาปวด และยังคงมีอาการปวดประจำเดือนมากขึ้น
3.ปวดท้องมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
4.รู้สึกปวดท้องน้อยถึงแม้ไม่ใช่ช่วงที่มีประจำเดือน
5.ประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ สังเกตจากการใช้ผ้าอนามัยเยอะขึ้น
6.มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ถ่ายเหลว บางครั้งอาจปวดท้องมากจนเหงื่อไหล บางคนอาจมีไข้ระหว่างปวดประจำเดือนร่วมด้วย
วันนี้เรามีตัวช่วยมาฝากสาว ๆ ด้วยอาหารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ดังนี้
> กล้วย อุดมไปด้วยวิตามินบี 6 และโพแทสเซียม การทานกล้วยในช่วงตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือน จะช่วยปรับฮอร์โมนให้สมดุล
และยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้ดีอีกด้วย
> ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลากระพง ปลาทู ปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรด EPA และ DHA
ที่มีคุณสมบัติการในการ ช่วยลดอาการปวดเกร็งในช่องท้องได้เป็นอย่างดี
> น้ำเต้าหู้ มีไฟโตเอสโตรเจนเลียนแบบฮอร์โมนเพศหญิง ชื่อ ไอโซฟลาโวน ซึ่งช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ
พร้อมช่วยลดและบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ดี ควรกินก่อนประจำเดือนมาประมาณ 1 สัปดาห์ จะได้ผลดีที่สุด
> ช็อกโกแลต อุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดประจำเดือน และช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน
ที่ช่วยลดความเครียด ไม่เหวี่ยง ไม่วีน และช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกด้วย
> ตำลึง มีวิตามินหลากหลายชนิด และมีแมกนีเซียมที่มีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดเกร็งภายในช่องท้องช่วงมีประจำเดือน
นอกจากนี้เส้นใยจากตำลึง จะไปช่วยในเรื่องของอาการท้องผูกในระหว่างที่เป็นประจำเดือนได้อีกด้วย..newsportforyou